วิตามินรวม สำคัญต่อสุขภาพผู้หญิงวัยทำงานอย่างไร

วิตามินรวม คืออะไร สำคัญ และมีประโยชน์อย่างไร

วิตามินรวม (Multivitamin) คือ อาหารเสริมที่ประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ที่จำเป็นต่อร่างกายเช่น แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินดี วิตามินบี วิตามินเอ วิตามินเค ซิงค์ แมงกานีส เบต้า-แคโรทีน และธาตุเหล็ก ซึ่งมีหลายชนิดและปริมาณที่แตกต่างกันไป ตามประโยชน์และความต้องการของร่างกายบุคคลที่แตกต่างกัน

วิตามินรวม มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงอาหารเป็นพลังงาน และการรักษาสุขภาพทั่วไปของร่างกาย ในบางกรณีที่อาหารที่รับประทานไม่มีวิตามินที่เพียงพอ หรือเมื่อมีความต้องการในบางวิตามินเสริมมากเป็นพิเศษ เช่น ในกรณีขาดสารอาหาร การเป็นโรคเกี่ยวกับการย่อยอาหาร หรือสภาวะอื่น ๆ การทานวิตามินรวมจะเป็นตัวช่วยเสริมวิตามินที่สามารถช่วยแก้ไขขาดแคลนนี้ได้

ปัจจุบันมี วิตามินรวม หลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้หญิง อย่างเช่น ผู้หญิงวัยทำงาน ผู้หญิงที่มีครรภ์ ผู้สูงอายุ และอื่น ๆ ซึ่งสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล วิตามินรวม มักมีจำหน่ายในรูปแบบเม็ด หรือแคปซูล และสามารถหาซื้อได้ทั่วไปที่ร้านขายยาและร้านอาหารเสริมทั่วไป

ปัญหาสุขภาพของผู้ที่ทำงานหนักต้องระวัง
ช่วงวัยทำงานเป็นช่วงที่หลายคน ใช้ทั้งร่างกายและจิตใจทำงานหนักมาก ๆ และพักผ่อนไม่เพียงพอ หากไม่ใส่ใจดูแลอย่างดีและมีวินัย จะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวเป็นอย่างมาก ซึ่งปัญหาสุขภาพที่มักจะพบบ่อย ๆ คือ

1. โรคปลอกประสาทอักเสบ
2. โรคเครียดลงกระเพาะ
3. โรคความดันโลหิตสูง
4. ออฟฟิศซินโดรม
5. โรคหัวใจ
6. โรคกรดไหลย้อน
7. โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
8. ปัญหาสายตา
9. ปัญหาการขาดสารอาหารไม่เพียงพอ
10. ปัญหาระบบขับถ่าย

ประโยชน์ของวิตามินรวมแต่ละชนิด สำหรับดูแลสุขภาพผู้หญิงวัยทำงานหนัก

ตามข้อมูลปัญหาสุขภาพข้างต้น สำหรับผู้หญิงวัยทำงานหนัก และไม่ค่อยมีเวลาทางเลือกในการมองหาวิตามินรวม สำหรับช่วยดูแลสุขภาพ จึงเป็นที่นิยมในปัจจุบันอย่างยิ่ง โดยวิตามินรวมที่นิยมและสำคัญมาก ๆ ดังนี้

• วิตามินบีรวม
  วิตามินในกลุ่มวิตามินบีรวม จะประกอบไปด้วยวิตามิน B1, B2, B3, B5, B6, B9 และ B12 จะช่วยเน้นในเรื่องของบำรุงประสิทธิภาพการทำงาน ให้เป็นปกติของระบบประสาทและสมอง หรืออย่างเช่น วิตามินบี 2 เองก็จะช่วยในเรื่องของปัญหาเล็บมือ เล็บเท้า หรือว่าเส้นผมที่เปราะบาง แตกง่าย ฉีกง่าย หรือเส้นผมขาด เส้นผมหลุดร่วงง่าย เป็นต้น
• วิตามินซี
  วิตามินซี ผู้หญิงเราอาจจะทราบอยู่แล้วว่าวิตามินซี ช่วยในเรื่องของสุขภาพผิวพรรณต่าง ๆ ได้ดี ทั้งช่วยให้ชะลอความแห้งกร้าน หย่อนคล้อย หรือริ้วรอยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย หรือหากเริ่มมีร่างกายที่อ่อนแอ เป็นไข้หวัดง่าย เป็นภูมิแพ้บ่อยผิดปกติ ตัววิตามินซีสามารถที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันส่วนนี้ได้เช่นกัน
• วิตามินดี
  วิตามินตัวนี้เป็นวิตามินที่สำคัญมากต่อการช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ที่จะเข้าไปเสริมสร้างกระดูกของผู้หญิงให้แข็งแรง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเหตุโรคกระดูกพรุน กระดูกเปราะบาง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ตัววิตามินดียังช่วยในเรื่องของการลดความเครียดสะสม ให้คุณผู้หญิงนอนหลับสบายขึ้น
• วิตามินเค
  เป็นวิตามินที่สำคัญมากในเรื่องของตัวระบบเลือดในร่างกายของเรา โดยหากผู้หญิงเป็นคนที่ มีอาการเลือดออกแล้วหยุดยากเลือดไหลไม่หยุดไม่ว่าแผลนั้นจะเป็นแผลเล็กน้อยเพียงใด นั่นอาจเกิดจากความผิดปกติด้านการแข็งตัวของเลือด ซึ่งวิตามินเค มีคุณสมบัติในการช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน หรือเสริมความแข็งแรงด้านการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้วิตามินเค ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นวิตามินหรือสารอาหารชนิดอื่นที่จำเป็นต่อการเสริมความแข็งแรงของกระดูก
• แคลเซียม
  เป็นแร่ธาตุที่สำคัญมากสำหรับกระดูกและฟันของผู้หญิง การเสริมแคลเซียม สำหรับคุณผู้หญิงวัย 30+ ก็จะช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันและชะลอการเสื่อมถอย หรือลดประสิทธิภาพไปตามอายุของมวลกระดูกให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ

แนะนำวิตามินรวมที่เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงทำงานหนัก เพื่อเสริมและดูแลสุขภาพ

PARADIGM A-Z Multivitamin เอทูแซด วิตามินรวมและแร่ธาตุ 22 ชนิด 60 เม็ด นำเข้าจากเยอรมัน กลืนง่าย ประกอบด้วยวิตามินรวมและแร่ธาตุ ที่จำเป็นในแต่ละวัน

PARADIGM Vitalozenge ไวต้าลอเซนจ์ วิตามินรวมแบบเม็ดอม ประกอบไปด้วยวิตามินบีรวม วิตามินซี และวิตามินอี นำเข้าจากเยอรมัน อร่อย ไม่มีน้ำตาล รับประทานง่าย เพียงอมวันละ 1 เม็ด เสริมจากมื้ออาหารในแต่ละวัน ก็ได้รับวิตามินสูงถึง 50 % ของปริมาณวิตามินที่ร่างกายต้องการต่อวัน

PARADIGM Bonnex บ็อนเน็กซ์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียมซิเทรต วิตามินดี แมกนีเซียม และสังกะสี 60 เม็ด ดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และดีกว่าแคลเซียมส่วนใหญ่ในท้องตลาด ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบแคลเซียมคาร์บอเนต นอกจากนี้แคลเซียมซิเทรตยังมีความปลอดภัยกว่า เนื่องจากช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ที่รับประทานแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นประจำ

อ้างอิงข้อมูลจาก
https://url.in.th/mFZUb