“วัยเรียนเป็นช่วงเวลาที่สบายที่สุด” ประโยคคุ้นเคยที่ผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองมักพูดกับลูกหลานอยู่เสมอ แต่กับเด็ก ๆ ในยุคนี้มันอาจไม่จริงเสมอไป ด้วยบทเรียนที่หนักขึ้น การแข่งขันที่สูงขึ้น สภาพแวดล้อมที่กดดันมากขึ้นจากสังคม หรือเรื่องต่าง ๆ รอบตัวที่เด็ก ๆ ต้องพบเจอ อีกทั้งการรับมือกับความเครียดในแต่ละช่วงวัยก็แตกต่างกันไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็ก ๆ อาจต้องเผชิญกับความเครียดได้มากไม่ต่างจากผู้ใหญ่อย่างเราเลย
ฉะนั้นในฐานะของผู้ใหญ่ที่เคยเป็นนักเรียน นักศึกษามาก่อน และผ่านการรับมือกับความเครียดจากการเรียนหนัก หรือปัญหาวัยรุ่นมาแล้วหลากหลายรูปแบบ เราต้องหมั่นสังเกตพวกเขาว่ากำลังมีอาการดังต่อไปนี้หรือไม่
- สมาธิสั้น วิตกกังวล
- ปวดหัว หรือปวดเมื่อยตามร่างกาย
- ใจสั่น เหงื่อออก
- โกรธ หงุดหงิด หรือร้องไห้ง่าย
- เบื่อ เศร้า ไม่อยากทำอะไร
- อ่อนเพลียตลอดเวลา
หากรู้สึกว่าลูกหลานที่คุณรัก กำลังเผชิญกับอาการเหล่านี้ เราต้องหาวิธีรับมือกับความเครียด เพื่อช่วยให้เขามีกำลังใจในการฝ่าอุปสรรคความเครียดในวัยเรียนไปได้ ด้วยการอยู่ข้าง ๆ หมั่นใส่ใจดูแลความรู้สึก ไม่ตำหนิ หรือดูถูก และทำความเข้าใจ พร้อมช่วยกันแก้ไขปัญหาความเครียดในวัยเรียนนี้ไปด้วยกัน การกดดันหรือการคาดหวังที่มากเกินไป จะทำให้เด็กเกิดความเครียดสะสมในวัยเรียนได้ง่ายที่สุด ซึ่งเป็นภาวะที่ค่อย ๆ ก่อเกิดสารอนุมูลอิสระและความเครียดในระดับเซลล์ หรือทางการแพทย์เรียกว่า “ขบวนการอักเสบ” ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่จะแสดงอาการในรูปแบบของ ‘ความรู้สึก’
Note:
จากสถิติล่าสุดของกรมสุขภาพจิตที่สำรวจในปี 2562 พบว่าคนไทยโดยเฉพาะวัยรุ่น มีเเนวโน้มเครียดสูงสอดคล้องกับการโทรศัพท์เข้ามาขอคำปรึกษาที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 พุ่งสูงมากถึงเกือบ 10,000 ราย ในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 11- 19 ปี ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องปัญหาความเครียดและวิตกกังวลโทรมาปรึกษามากเป็นอันดับ 1 เรื่องความรักเป็นอันดับที่ 2 เเละโรคซึมเศร้าเป็นอันดับที่ 3
การลดความเครียดในวัยเรียนที่ผู้ใหญ่อย่างเราช่วยได้อีกวิธีก็คือ การจัดเตรียมสารอาหารที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงและลดภาวะเครียดให้กับเด็ก อย่างตระกูลวิตามินบี หนึ่งในวิตามินพื้นฐานที่ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ช่วยลดความเครียด ป้องกันโรคซึมเศร้า รวมถึงอาการวิตกกังวล เราสามารถพบสารอาหารนี้ได้ในอาหารจำพวก ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ธัญพืช ไข่ ผักใบเขียว และถั่ว ซึ่งตระกูลวิตามินบีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างดี
- B1, B2, B3, B5, B6, B12 เป็นกลุ่มที่ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาทให้ทำงานเป็นปกติ อย่างเช่น B2, B6 และ B12 ช่วยป้องกันอาการปวดศีรษะจากไมเกรนได้ เป็นต้น
- Biotin (B7) และ กรดโฟลิก (B9) มีประสิทธิภาพสูงในการฝ่าฟันภาวะเครียดได้ดี เพราะสองตัวนี้จะช่วยให้ระบบประสาททำงานเป็นปกติ และควบคุมการตึงตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ลดภาวะการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ดี
Note:
จากรายงานในวารสารทางการแพทย์ British Journal of Psychiatry พบการขาดวิตามินบี วิตามินซี หรือ กรดโฟลิก ในผู้ที่มีปัญหาทางอารมณ์ ทำให้เราเข้าใจถึงบทบาทของวิตามินเหล่านี้ในการต้านเครียดมากขึ้น
วิตามินบี เป็นวิตามินที่ดีต่อร่างกายช่วยในการจัดการความเครียด แต่หากจะให้ลูก ๆ ของคุณรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเหล่านี้อย่างครบถ้วนในแต่ละวัน คงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นอาจลองหาตัวช่วยเสริมอย่างวิตามินบีรวม หรือวิตามินรวมที่มีส่วนประกอบของวิตามินบี รับประทานเสริมจากมื้ออาหาร เพื่อให้ได้รับวิตามินเหล่านี้ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ลดภาวะความเครียด ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมามีชีวิตชีวา และดูสุขภาพดี ด้วยความปรารถนาดีจาก พาราไดม์ ฟาร์มา
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://health.campus-star.com/general/17857.html
https://th.rajanukul.go.th/preview-3272.html%EF%BB%BF
https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30188
https://www.manarom.com/blog/Adjustment_Disorder.html
https://www.parentsone.com/how-to-child-stressed/